วนกลับมาถึงแล้วในปีนี้ กับเทศกาลที่มิ้นต์เคลมให้เลยว่าเป็นไลฟ์สไตล์เฟสติวัลที่ดีที่สุดในประเทศไทยและเผลอ ๆ อาจจะดีที่สุดในเอเชียด้วยนะ! Wonderfruit กับปีที่ 6 ของตัวงานและครั้งที่ 4 ของมิ้นต์ที่ได้ไปเดิน ๆ เต้น ๆ ในเทศกาลนี้ เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะได้เห็นรูปในตัวงานผ่านทางไอจีกันบ้างแล้วแหละ และหลายคนก็ส่งมาถามเราตามเช่นเคยว่า “ไปมันทุกปี ไม่เบื่อหรอวะแก” มิ้นต์เลยขอเขียนรีวิวตัวเต็มโพสต์นี้ขึ้นมา เพื่อที่จะแชร์ทุกคนได้รู้จักกับ Wonderfruit ให้มากขึ้นและลึกขึ้น (เอาจริง ๆ ว่าคนเขียนน่ะ อินมาก ๆ เลยแหละ) เชื่อเราเหอะว่างานนี้ ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อรวมตัวคนแต่งตัวจัดจ้านเท่านั้น แต่ Wonderfruit เป็นมากกว่านั้นจริง ๆ
_Wonderfruit is not just a fashion event
แฟชั่นอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้การไปเฟสติวัลแต่ละครั้งสนุกขึ้น แต่ Wonderfruit ไม่ใช่แค่งานที่ทุกคนแต่งตัวมาปาร์ตี้กันแล้วจบ หรืองานเทศกาลดนตรีอย่างที่หลายคนเข้าใจกันเอาไว้ ที่นี่คือดินแดน ๆ นึงที่รวมเอาไลฟ์สไตล์ทุกแขนงเอาไว้ตั้งแต่ด้านอาหาร ดนตรี ศิลปะ วัฒนธรรม สุขภาพ ทุกอย่างที่รวมกันแล้วนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ในงานเลยไม่ได้มีแค่คอนเสิร์ตหรือบาร์ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่มีทั้งคลาสโยคะ มีเซสชั่นเสวนาเรื่องสุขภาพด้านต่าง ๆ มี talk ที่ให้ความรู้เรื่องคุณภาพของการมีเซ็กส์ รวมไปถึงฟาร์มปลูกผัก เวิร์กช็อปทำสบู่ เซรามิก และอะไรที่น่าสนใจอีกมากมาย
_From dusk til dawn
ตัวงานเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีและจบลงในวันจันทร์ โดยที่กิจกรรมทุกอย่างไม่มีเวลาหยุดพัก เราสามารถอยู่ใน Wonderfruit ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตก และอยู่รอดูพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้งได้โดยไม่มีวันเบื่อ (ถ้าไม่เหนื่อยไปก่อนนะ) มีอะไรที่ ongoing ตลอด 24 ชั่วโมง และที่นี่เป็นดินแดนที่ไม่มีวันหลับใหลจริง ๆ
_No Cups. No Drinks
สิ่งนี้เป็นเหมือนแท็กไลน์ของ Wonderfruit 2019 ไปเลย เราได้รับข้อความเตือนมาตั้งแต่ก่อนเข้างานจนถึงหน้างานว่าถ้าคุณไม่เอาแก้วของตัวเองมาน่ะ เราไม่เสิร์ฟเครื่องดื่มให้นะ ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะว่าคอนเซปต์ของ Wonderfruit ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีคือการโปรโมท sustainable living หรือการใช้ชีวิตร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การลดขยะที่เกลื่อนกลาดจากการจัดงานเลยเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ทางทีมจัดงานพยายามจะรณรงค์ในทุก ๆ ปี ทุกครั้งจะใจดีมีแก้วกระดาษให้นะ แต่ปีนี้เป็นกฎข้อหลักของการมาร่วมงานเลยว่าทุกคนต้องนำขวดน้ำส่วนตัวมาด้วย มีบริเวณให้ล้าง มีน้ำดื่มสะอาดให้เติมฟรี คิดดูสิว่าคนเป็นหมื่น ๆ ที่มาร่วมงานช่วยกันคนละไม้คนละมือ เราก็สามารถลดขยะพลาสติกไปได้หลายชิ้นแล้วนะ และการได้ไปอยู่ในงานมาแค่ 3 วัน ก็ทำให้เรารู้ว่ามันไม่เห็นยากเลยหนิ สุขใจด้วยซ้ำที่รู้ตัวเองว่าเราทำได้แล้ว และการกระทำของเราก็ช่วยให้โลกน่าอยู่ขึ้นได้ : )
_Be whatever
เป็นอะไรที่เราพูดทุกครั้งเวลาที่ใครมาถามว่า Wonderfruit สนุกยังไงหรอ มันสนุกตรงที่เราได้เป็นตัวเองแบบเต็มที่นี่แหละ จะแต่งตัวแปลกยังไงก็ได้ เต้นตรงไหนก็ได้ หมุนตัวเป็นบ้าก็ได้ ทุกคนมางานด้วยความสนุก ความไม่ตัดสินกัน ไม่มีอะไรที่ถูก ไม่มีอะไรที่ผิด Wonderfruit เลยเป็นเหมือนยูโทเปียเล็ก ๆ เป็นโลกอุดมคติที่เรารอคอยจะกลับไปทุกปี!
เขียนเกริ่นมายาวถึงขนาดนี้แล้ว เอาเป็นว่าหลังจากนี้มิ้นต์ขอให้ทุกคนเอนจอยเรื่องของ Wonderfruit ต่อเอาเองจากโมเมนต์ในภาพทั้งหมดที่ได้ถ่ายมา
หวังว่าโพสต์นี้จะทำให้ทุกคนได้รู้จักกับเฟสติวัลที่มิ้นต์รักสุด ๆ งานนี้ และสำหรับใครที่อยากลองไปเป็น Wonderer เองปีหน้า ลองติดตามรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ www.wonderfruit.co ได้นะ บัตร early bird เปิดขายเมื่อไร รีบกดซื้อกันได้เลย แล้วเราไปผจญภัยพร้อมกัน!
–Mint Travelerspulse 🌞